NIA เปิด 3 เทรนด์ นวัตกรรมไทย รับการเปลี่ยนแปลงของโลก

 

ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม สังคม และการเมืองในเวทีโลก ส่งผลให้ทุกประเทศต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อกระแสโลก และยกระดับระบบอุตสาหกรรมและบริการให้เชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าโลก ภายใต้แนวคิดการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยจากการประเมินของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้คาดการณ์ว่าเทรนด์นวัตกรรมที่สำคัญที่เหมาะสมกับประเทศไทยในปี 2567 จะประกอบด้วย 3 เทรนด์สำคัญ ได้แก่

 

  1. Climate Tech – เทคโนโลยีเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

ประเทศไทยตั้งเป้าหมายลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2573 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการตื่นตัวและร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมองหาพลังงานทางเลือก ที่เป็นพลังงานสะอาดและหมุนเวียนได้ ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าในการกักเก็บพลังงาน รวมถึงบางอุตสาหกรรมมีการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน เพื่อนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในกระบวนการผลิตที่หลากหลายต่อไป ซึ่งถือเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในคราวเดียวกัน

อีกทั้งมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลากหลายต่อยอดเพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน เกิดกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่อย่าง ที่มีทั้งผู้เล่นรายใหม่อย่างบริษัท Startup และผู้เล่นรายใหญ่ที่มองหาเทคโนโลยีทางเลือกที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น เทรนด์ดังกล่าวนำมาซึ่งการสร้างคุณค่าในการมีส่วนร่วมให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียวของผู้คนในสังคม เช่น เทรนด์สินค้ารักษ์โลก แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต เป็นต้น

 

  1. EV Tech – เทคโนโลยีเพื่อตอบกระแสยานยนต์ยุคใหม่

 

เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า กำลังเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม S-Curve ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายในปี 2573 ประเทศไทยมีเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของปริมาณการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในแต่ละปี ภาครัฐมีแผนส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การผลิต ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นแรงหนุนที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูงที่ช่วยให้ยานยนต์มีความคล่องตัว ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่เข้ามาเปิดโลกใหม่ในการขับขี่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

 

รวมถึงมาตรการอุดหนุนจากภาครัฐสำหรับผู้ผลิตและผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้า จึงดึงดูดให้ตลาดกลุ่มนี้มีผู้เล่นหลากหลายตลอดห่วงโซ่คุณค่า ส่งผลให้เกิดกลไกการแข่งขันที่ผลักดันมาตรฐานสินค้าและบริการของกลุ่มอุตสาหกรรมนี้สูงยิ่งขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานในการอัดประจุไฟฟ้า และแพลตฟอร์มใช้บริการร่วมกัน ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างระบบนิเวศที่อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการที่หลากหลายและมีความเชื่อมั่นในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

 

  1. Creative Tech – เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนขุมพลังใหม่เศรษฐกิจไทย

 

Creative Tech หรือ เทคโนโลยีสร้างสรรค์กำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม การออกแบบ และความบันเทิงในสังคมไทย ทุนทางปัญญาและทุนวัฒนธรรมในรูปแบบเดิม ๆ กำลังจะถูกปรับเปลี่ยนให้น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โลกจริงและโลกเสมือนจะถูกเชื่อมต่อกันผ่านเลนส์บาง ๆ ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างไร้ที่ติทั้งในมิติของเวลา ประสิทธิภาพและคุณค่า

 

โดยในปัจจุบันมีหลากหลายเทคโนโลยีและนวัตกรรมสร้างสรรค์ที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนในปัจจุบัน เช่น เทคโนโลยีความเป็นจริงต่อขยาย (Extended reality: XR) ระบบชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ และการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น

เทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้เข้ามามีบทบาทกับกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ทั้งการท่องเที่ยว สื่อดิจิทัล ภาพยนตร์ แฟชั่น เกมและแอนิเมชั่น

 

นอกจากจะช่วยยกระดับประสบการณ์ความเพลิดเพลินในระดับบุคคลได้แล้ว ยังช่วยยกระดับเศรษฐกิจและเพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศในเวทีโลกผ่าน Soft power ได้อีกด้วย ซึ่งประเทศไทยมุ่งผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยชูธงไปที่ 5F ได้แก่ อาหาร (Food), ภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ (Film), การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion), ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ เทศกาลประเพณีไทย (Festival) ให้เป็นตัวตั้งต้นในการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงความเป็นไทยสู่สากลและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ

 

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีถือเป็นเครื่องมือที่สร้างเสน่ห์และสีสันให้กับ “นวัตกรรม” อย่างไรก็ตามนวัตกรรมเป็นสิ่งที่มีพลวัตและปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตามกระแสการเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่นวัตกรรมเกิดขึ้นถูกที่ ถูกเวลา ถูกจริตของผู้ใช้งาน นวัตกรรมนั้นก็จะได้รับการยอมรับและต่อยอดไปสู่การเติบโต ดังนั้น ในการลงทุนทางเทคโนโลยีผู้ประกอบการจึงต้องคำถึงความยั่งยืนของเทคโนโลยีและโอกาสทางตลาดเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญ

สามารถติดตาม THE DIMENSION ได้ตามช่องทางต่าง ๆ

related news

LATEST NEWS