“กัญชา” ส่งผลร้ายต่อสมองวัยรุ่น
เสี่ยงเป็นโรคจิต ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย
จากผลงานวิจัยด้านกัญชาในต่างประเทศ พบว่า ในการสำรวจวัยรุ่นอายุ 12 ถึง 17 ปี พบว่ามีเพียง 35% เท่านั้นที่รับรู้ถึง “ความเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิดอันตราย” จากการสูบกัญชา สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง อ้างอิงจากการสำรวจระดับชาติด้านการใช้ยาและสุขภาพแห่งชาติปี 2021 ซึ่งนี่เป็นสิ่งยืนยันสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นจำนวนมากหันมาเสพกัญชา
เบธ เอเบล กุมารแพทย์ที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า ความจริงที่ว่าปัจจุบันกัญชามีจำหน่ายอย่างแพร่หลายสำหรับผู้ใหญ่ โดยคิดว่ามันปลอดภัย” ซึ่งกัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายสำหรับผู้ใหญ่ที่จะใช้เพื่อเหตุผลทางการแพทย์ใน 38 รัฐและวอชิงตัน ดี.ซี. อนุญาตให้ใช้แบบไม่เป็นทางการสำหรับผู้ใหญ่ได้ใน 24 รัฐและดีซี แต่สิ่งที่คิดว่าปลอดภัยนี้มีความไม่เท่ากันระหว่างวัยรุ่น และผู้ใหญ่
โดย สาร THC เป็นสารเคมีหลักที่ทำให้บางคนรู้สึก “เมา” เมื่อใช้กัญชา สาร THC นั้น สามารถส่งผลต่อเคมีในสมอง “ในลักษณะที่ไม่ได้ตั้งใจ” โดยผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดบางประการอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตลอดชีวิตได้ โดยเฉพาะสำหรับคนหนุ่มสาว ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสพติดแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคจิต ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่อาจรวมถึงการเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่จริง
วัยรุ่นที่ใช้กัญชาในปัจจุบันอาจมีความเสี่ยงที่จะประสบอันตรายเหล่านั้นมากกว่าวัยรุ่นในอดีต เหตุผล คือ ต้นกัญชาได้รับการปรับปรุงให้มีสาร THC เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก โดยในปี 1995 THC คิดเป็นประมาณ 4% ของน้ำหนักกัญชา ทุกวันนี้ กัญชามีจำหน่ายมีค่า THC อยู่ที่ 20% ขึ้นไป และยังมีกัญชาชนิดใหม่ ที่นำมาบดละเอียดผสมกับขี้ผึ้ง จะมีความเข้มข้นของ THC สูงถึง 95%
ทั้งนี้ THC ส่งผลต่อสมองวัยรุ่นอย่างไร โดยวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอย่างยิ่งในการใช้กัญชา หรือยา ใดๆ ก็ตาม ซึ่งสมองของวัยรุ่นยังคงพัฒนาไปสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ในช่วงเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงทางสมองเกิดขึ้นมากมายการเชื่อมต่อใหม่ๆ กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างเซลล์ประสาทบางส่วน ในขณะที่การเชื่อมต่ออื่นๆ ที่มีอยู่เริ่มแข็งแกร่งขึ้น และการเชื่อมต่อบางอย่างที่สมองไม่ต้องการอีกต่อไปก็ถูกตัดออก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะได้รับผลกระทบเชิงลบจาก THC”
THC โต้ตอบกับระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ ระบบนี้มีอิทธิพลต่อการทำงานหลายอย่างในร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมอง นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความวิตกกังวล ความเจ็บปวด ความจำ และแรงจูงใจ มันเกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เกิดขึ้นเมื่อสมองของวัยรุ่นเติบโตเต็มที่
โดย THC จะเข้าไปรบกวนการส่งสัญญาณทางเคมีในระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ ในวัยรุ่น สิ่งนี้สามารถทิ้งร่องรอยไว้บนโครงสร้างของสมองได้ การศึกษาในสัตว์ทดลองได้บอกเป็นนัยถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งการได้รับสาร THC ในช่วงวัยรุ่นอาจนำไปสู่ปัญหาด้านความจำและการเรียนรู้ที่ยาวนานได้
ในการศึกษาครั้งหนึ่งในปี 2019 ได้มีการฉีด THC เข้าไปในหนูวัยรุ่น จากนั้นนักวิจัยได้ศึกษาบริเวณสมองที่เรียกว่าเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า บริเวณนี้จะเติบโตเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแก้ปัญหาและการควบคุมอารมณ์ ในหนูที่ได้รับ THC การเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมองส่วนนี้ถูกรบกวน
การศึกษาในคนมีหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ THC ต่อสมองของวัยรุ่น การศึกษาหนึ่งในปี 2021 ตรวจสอบการสแกนสมองด้วย MRI เกือบ 1,600 ครั้ง การสแกนมาจากวัยรุ่นเกือบ 800 คน การสแกนเกิดขึ้นเมื่ออายุประมาณ 14 ปี ผู้เข้าร่วมได้รับการสแกนครั้งที่สองในห้าปีต่อมา วัยรุ่นที่ใช้กัญชาพบว่าเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้าบางลงเร็วขึ้นจากการเปรียบเทียบกับการสแกนสมองครั้งแรก
เยื่อหุ้มสมองบางลงเป็นเรื่องปกติในวัยรุ่น อาจเกี่ยวข้องกับการตัดการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองที่ไม่ได้ใช้ออกไป แต่การที่วัยรุ่นใช้กัญชาเยื่อหุ้มสมองส่วนนี้ลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ การที่เยื่อหุ้มสมองส่วนนี้ที่บางเร็วขึ้นนั้นอาจเนื่องมาจากการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทหยุดชะงัก ดังที่เห็นได้จากการศึกษาในหนู
นอกจากนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2023 นักวิจัยได้แบ่งปันผลการศึกษากับเด็กมากกว่า 68,000 คน ทั้งหมดมีอายุ 12 ถึง 17 ปี บางคนใช้กัญชาแต่การใช้ไม่ได้เพิ่มขึ้นถึงระดับความผิดปกติในการใช้กัญชา คนในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีความคิดฆ่าตัวตายมากกว่าคนที่ไม่ใช้กัญชาประมาณสองเท่า โดยการค้นพบที่คล้ายกันปรากฏในการศึกษานักเรียนมัธยมปลาย 15,000 คน ในรัฐแมสซาชูเซตส์ในปี 2024
ส่วน ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ในการศึกษาเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2023 มีความผิดปกติจากการใช้กัญชา คนหนุ่มสาวเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่ไม่เสพกัญชาถึง 2.5 เท่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีความคิดฆ่าตัวตายมากกว่า 3 เท่า
โดย การศึกษาล่าสุดพิจารณาความถี่หรือความชุกของวัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิต วัยรุ่นที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจากการใช้กัญชามีอัตราการซึมเศร้าและความคิดฆ่าตัวตายสูงกว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้ใช้กัญชา แม้แต่วัยรุ่นที่ไม่ได้ติดกัญชา (แต่ใช้เป็นครั้งคราว) ก็ยังมีภาวะซึมเศร้าและความคิดฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้ที่ไม่เสพกัญชา รวมทั้งคนที่เริ่มใช้กัญชาตั้งแต่วัยรุ่นมี แนวโน้มที่จะพึ่งพายาเสพติดมากกว่าคนที่เริ่มใช้เมื่อเป็นผู้ใหญ่ เช่นเดียวกับยาเสพติดอื่นๆ เช่น แอลกอฮอล์ โคเคน และนิโคติน
Kelly Young-Wolff นักจิตวิทยาคลินิก และนักวิจัย ที่ทำงานให้กับแผนกวิจัยของ Kaiser Permanente Northern California ในโอ๊คแลนด์ กำลังศึกษาว่าการทำให้กัญชาถูกกฎหมายสำหรับผู้ใหญ่ในแคลิฟอร์เนียส่งผลต่อสุขภาพของวัยรุ่นอย่างไร โดยได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่ทำงานร่วมกับวัยรุ่น พวกเขาบอกเธอว่าผู้ป่วยจำนวนมากที่ใช้กัญชา เพื่อพยายามบรรเทาอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
ซึ่งการใช้กัญชาไม่เพียงส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำเท่านั้น ยังเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ ผู้ใช้ก็มีความกังวลมากขึ้นกว่าเดิม “มันขับเคลื่อนวงจรที่ทำให้มีการใช้กัญชาเพิ่มขึ้น” และเมื่อกัญชากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ก็สามารถเปลี่ยนอนาคตของพวกเขาได้
ในปี 2014 นักวิจัยได้แบ่งปันการศึกษาของคนหนุ่มสาวในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยได้เปรียบเทียบความถี่ที่ผู้คนใช้กัญชาก่อนอายุ 17 ปี กับชีวิตของพวกเขาเมื่ออายุ 30 ปี เมื่อเทียบกับวัยรุ่นที่ไม่เคยใช้กัญชา ผู้ที่ใช้กัญชาทุกวันมี แนวโน้มที่จะใช้ยาอื่นๆ มากกว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะพยายามฆ่าตัวตายมากกว่า และมีโอกาสน้อยที่จะจบมัธยมปลาย
นอกจากนี้ การติดกัญชายังเชื่อมโยงกับการพัฒนาของโรคจิตเภทอีกด้วย นี่เป็นความผิดปกติของสมองขั้นรุนแรงที่อาจทำให้ผู้คนสูญเสียการติดต่อกับความเป็นจริง จากการศึกษาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ตรวจสอบเวชระเบียนของชาวเดนมาร์กเกือบ 7 ล้านคนที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 49 ปี โดยมีความเชื่อมโยงระหว่างความผิดปกติจากการใช้กัญชากับผู้ป่วยโรคจิตเภทรายใหม่ การเชื่อมโยงนี้มีความชัดเจนมากสำหรับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 16 ถึง 25 ปี
ที่มา : https://www.snexplores.org/article/teen-brain-vulnerable-harms-cannabis-thc-marijuana