#ไมโครพลาสติก

ไมโครพลาสติก แทรกซึมสู่ ตับ ไต สมอง

เสี่ยงอวัยวะภายในอักเสบ – สมองเสื่อม

 

นักวิจัยพบว่าไมโครพลาสติกส่งผลกระทบต่อเส้นทางการย่อยอาหารของมนุษย์ โดยเริ่มจากลำไส้และเข้าสู่เนื้อเยื่อของไต ตับ และสมอง เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอีกมากมาย

 

โดยไมโครพลาสติกเหล่านี้ เข้าไปสะสมในร่างกายทุกวันจากน้ำ อาหาร และแม้แต่อากาศที่เราหายใจ อนุภาคพลาสติกเล็กๆ กำลังเข้าไปอยู่ในหลายส่วนของอวัยวะในร่างกาย แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออนุภาคเหล่านั้นอยู่ข้างใน? พวกมันทำอะไรกับระบบย่อยอาหารของเรา?

 

ในรายงานล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารEnvironmental Health Perspectivesนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโกพบว่า ไมโครพลาสติก กำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเส้นทางการย่อยอาหารของเรา โดยเคลื่อนตัวออกมาจากลำไส้และเข้าสู่เนื้อเยื่อของไต , ตับ และสมอง

 

ดร. Eliseo Castillo รองศาสตราจารย์แผนกระบบทางเดินอาหารและวิทยาตับ แผนกอายุรศาสตร์ของ UNM School of Medicine และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันของเยื่อเมือก กำลังเป็นผู้นำการวิจัยไมโครพลาสติกของ UNM

 

“ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มีการพบไมโครพลาสติกในมหาสมุทร ในสัตว์ และพืช ในน้ำประปา และน้ำดื่มบรรจุขวด” Castillo กล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง”

 

นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าผู้คนบริโภคอนุภาคไมโครพลาสติกเข้าไปเฉลี่ย 5 กรัม ในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนักของบัตรเครดิต 1 ใบ ในขณะที่นักวิจัยคนอื่นๆ กำลังช่วยระบุและวัดปริมาณไมโครพลาสติกที่กินเข้าไป Castillo และทีมงานของเขามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ไมโครพลาสติกกำลังทำภายในร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันของลำไส้

 

ตลอดระยะเวลาสี่สัปดาห์ Castillo, Marcus Garcia, PharmD นักวิจัยหลังปริญญาเอก และนักวิจัย UNM คนอื่นๆ ได้ทดลองให้หนูสัมผัสไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม ซึ่งปริมาณดังกล่าวเทียบเท่ากับปริมาณไมโครพลาสติกที่มนุษย์เชื่อกันว่านำเข้าร่างกายไปในแต่ละสัปดาห์

 

ทีมวิจัยพบว่า ไมโครพลาสติกได้เคลื่อนที่ออกจากลำไส้ไปยังเนื้อเยื่อของตับ ไต และสมอง การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าไมโครพลาสติกได้เปลี่ยนกระบวนการเผาผลานอาหารในเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบ

 

“เราสามารถตรวจจับไมโครพลาสติกในเนื้อเยื่อบางชนิดได้หลังจากการสัมผัสไมโครพลาสติก นั่นบอกเราว่ามันสามารถข้ามสิ่งกีดขวางในลำไส้และแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่ออื่นได้”  Castillo กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังกังวลเกี่ยวกับการสะสมของอนุภาคพลาสติกในร่างกายมนุษย์ด้วย ซึ่งจากผลการทดลองในหนูที่สัมผัสไมโครพลาสติกเป็นเวลาสี่สัปดาห์ ยังส่งผลชัดเจนมากถึงเพียงนี้ ลองคิดดูว่าสิ่งนี้จะเทียบเท่ากับมนุษย์ได้อย่างไร เพราะมนุษย์ต้องสัมผัสได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา

 

ทั้งนี้ ยังมีคำถามข้อใหญ่ว่า หากใครมีโรคประจำตัว การได้รับไมโครพลาสติกจะทำให้อาการที่แฝงอยู่รุนแรงขึ้นได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้มีการค้นพบว่า ไมโครพลาสติกได้ส่งผลต่อแมคโครฟาจ ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำงานเพื่อปกป้องร่างกายจากอนุภาคแปลกปลอม

 

ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell Biology & Toxicologyในปี 2021 Castillo และนักวิจัย UNM คนอื่นๆ พบว่า เมื่อแมคโครฟาจพบและกลืนกินไมโครพลาสติก การทำงานของพวกมันจะเปลี่ยนไปและปล่อยโมเลกุลที่สร้างการอักเสบออกมา

 

“มันกำลังเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญของเซลล์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงการตอบสนองต่อการอักเสบได้” Castillo กล่าว

 

“ในระหว่างการอักเสบในลำไส้ – สภาวะของการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผล และโรคโครห์น ซึ่งเป็นโรคลำไส้อักเสบทั้งสองรูปแบบ แมคโครฟาจ เหล่านี้จะเกิดการอักเสบมากขึ้น และมีจำนวนมากในลำไส้”

 

การวิจัยขั้นต่อไปของ Castillo ซึ่งนำโดย Sumira Phatak นักศึกษาหลังปริญญาเอก จะสำรวจว่าอาหารเกี่ยวข้องกับการดูดซึมไมโครพลาสติกอย่างไร

 

Castillo กล่าวว่า  จากการศึกษายังพบว่า ไมโครพลาสติกยังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งหลายกลุ่มได้แสดงให้เห็นว่าไมโครพลาสติกเปลี่ยนไมโครไบโอต้า (จุลินทรีย์ทั้งหมดที่อยู่ในร่างกาย) แต่การเปลี่ยนแปลงของไมโครไบโอต้าจะส่งผลต่อมนุษย์อย่างไรนั้นยังอยู่ในขั้นการทดลองต่อไป”

 

“การวิจัยยังคงแสดงให้เห็นความสำคัญของสุขภาพของลำไส้ หากคุณไม่มีลำไส้ที่ดีก็จะส่งผลต่อสมอง ส่งผลต่อตับ และเนื้อเยื่ออื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นถึงแม้จะจินตนาการว่าไมโครพลาสติกกำลังทำอะไรในบางอย่างในลำไส้ การได้รับไมโครพลาสติกเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ผลกระทบต่อระบบได้”

 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังมัการศึกษาในเรื่องของไมโครพลาสติกที่แทรกซึมเข้าไปในทุกระบบของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

 

ศาสตราจารย์ Jaime Ross แห่งมหาวิทยาลัยโรดไอส์แลนด์ ได้มีการศึกษาครั้งใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่ผลกระทบต่อระบบประสาท และการตอบสนองต่อการอักเสบต่อการสัมผัสไมโครพลาสติก รวมถึงการสะสมของไมโครพลาสติกในเนื้อเยื่อ รวมถึงสมอง พวกเขาพบว่าการแทรกซึมของไมโครพลาสติกแพร่หลายในร่างกายพอๆ กับในสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนูทดสอบที่สูงอายุ

 

โดย ทีมงานของ Ross ได้เปิดเผยผลการทดลองในหนูอายุน้อยและหนูสูงวัยถึงระดับของไมโครพลาสติกที่แตกต่างกันในน้ำดื่มตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ พวกเขาพบว่าการสัมผัสไมโครพลาสติกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลด้านภูมิคุ้มกันในเนื้อเยื่อตับและสมอง หนูที่ทำการศึกษาเริ่มเคลื่อนไหวและประพฤติตัวผิดปกติ โดยมีพฤติกรรมคล้ายกับภาวะสมองเสื่อมในมนุษย์ ผลลัพธ์ที่ได้จะลึกซึ้งยิ่งขึ้นในสัตว์ที่มีอายุมากกว่า

 

สำหรับเรา สิ่งนี้น่าทึ่งมาก ไมโครพลาสติกเหล่านี้ไม่ใช่ปริมาณที่สูงนัก แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครเข้าใจวงจรชีวิตของไมโครพลาสติกเหล่านี้ในร่างกายจริงๆ ดังนั้นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราต้องการจัดการ คือ คำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณมีความเสี่ยงต่อการอักเสบอย่างเป็นระบบจากไมโครพลาสติกเหล่านี้เมื่อคุณอายุมากขึ้นหรือไม่? กำจัดพวกมันได้อย่างไร? เซลล์ของคุณตอบสนองต่อสารพิษเหล่านี้แตกต่างออกไปหรือเปล่า?

 

นอกจากนี้ การที่ไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าไปถึงเนื้อสมองนั้น อาจทำให้โปรตีนที่เป็นกรดของ glial fibrillary ลดลง (เรียกว่า “GFAP”) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สนับสนุนกระบวนการของเซลล์จำนวนมากในสมอง ผลลัพธ์แสดงให้เห็น “การลดลงของ GFAP มีความสัมพันธ์กับระยะเริ่มแรกของโรคทางระบบประสาทบางชนิด รวมถึงแบบจำลองหนูของโรคอัลไซเมอร์ และภาวะซึมเศร้า ซึ่งทำให้รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่าไมโครพลาสติกสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการส่งสัญญาณ GFAP ได้”

 

เธอตั้งใจที่จะตรวจสอบการค้นพบนี้เพิ่มเติมในงานในอนาคต “เราต้องการทำความเข้าใจว่าพลาสติกอาจเปลี่ยนแปลงความสามารถของสมองในการรักษาสภาวะสมดุลของร่างกายได้อย่างไร หรือการได้รับสารอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางระบบประสาทและโรคต่างๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ได้อย่างไร”

 

ที่มา : https://www.sciencedaily.com/releases/2024/04/240415163703.htm

https://www.sciencedaily.com/releases/2023/08/230828162343.htm