นิคมฯแอลพีพีฯ ดึงญี่ปุ่น-ไต้หวัน

ตั้งโรงงานผลิตซิลิก้าจากแกลบเกรดผลิตชิป

 

“แอลพีพี อินดัสเตรียล เอสเตท” ตั้งนิคมฯเทคโนโลยีชั้นสูง จ.นครสวรรค์ ดึง บริษัทด้านนวัตกรรมจากญี่ปุ่น – ไต้หวัน ตั้งโรงงานผลิตซิลิก้า พร้อมยกระดับไปสู่การผลิตซิลิก้าเกรดผลิตชิป

 

นายถวิล ล้อพูนผล กรรมการบริหาร บริษัท แอลพีพี อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร ชีวภาพ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องซึ่งมีศักยภาพสูงในการเติบโตตามแนวทางของรัฐบาล อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของล้อพูนผล ไรซ์มิลล์ จำกัด ที่ประกอบกิจการ โรงสีข้าว และคัดคุณภาพข้าว จึงเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในการใช้ผลพลอยได้จากการผลิตด้านการเกษตรไปต่อยอดธุรกิจด้วยการนำไปผลิตเป็นน้ำมันรำข้าวและมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงตัดสินใจที่จะพัฒนาพื้นที่เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการเกษตร อาหารและชีวภาพ แบบครบวงจร ซึ่งจะเป็น Smart Agriculture Industrial Estate ที่มีมูลค่าการลงทุนในโครงการกว่า 800 -900 ล้านบาท

 

สำหรับรูปแบบธุรกิจของนิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ได้พัฒนาแนวคิดมาจากหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน “Circular Economy” ที่มุ่งเน้นการหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรและพลังงานให้มีของเสียน้อยที่สุด และการหาทางนำของเสียมาแปรรูปให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในนิคมจะมี Central Lap ด้านเกษตรและอาหาร ที่ให้บริการทดสอบ วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่ปัจจัยการผลิตจนถึงผลิตภัณฑ์ และมีสถาบันฝึกอบรมหรือพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพป้องเข้าสูงโรงงานในนิคมฯ

 

สำหรับโครงการนี้ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ กนอ. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วยงบลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคประมาณ 854.44 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศกว่า 18,216 ล้านบาท และสร้างงานกว่า 4,554 ตำแหน่ง โดยใช้ระยะเวลาการพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี ภายหลังได้รับการประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2569

 

ทั้งนี้ ล่าสุดก็มีนักลงทุนต่างชาติได้ติดต่อเข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรชั้นสูงอยู่ 2 ราย จากประเทศญี่ปุ่น และไต้หวัน ใช้พื้นที่ 30 – 40 ไร่ต่อราย โดยโรงงานจากญี่ปุ่นจะใช้วัตถุดิบแกลบจากโรงสีข้าวของเรามาเข้ากระบวนการผลิตเป็นซิลิก้า โดยใช้ความร้อนที่มีความเสถียร ควบคุมออกซิเจน และก๊าซในโตรเจนให้เหมาะสมด้วยนวัตกรรมชั้นสูง เพื่อให้ได้ผงซิลิก้าสีขาว ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตยางรถยนต์ ที่จะป้อนไปสู่ตลาดยุโรปโดยเฉพาะ เนื่องจากข้อกำหนดที่ต้องมีส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ ซึ่งในไทยยังไม่มีเทคโนโลยีเหล่านี้

 

“ในประเทศญี่ปุ่นมีโรงงานแบบนี้ 1 – 2 โรง แต่มีวัตถุดิบแกลบค่อนข้างน้อย ซึ่งแกลบจะเป็นวัตถุดิบที่สำคัญเพราะมีซิลิก้าค่อนข้างสูง จึงสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมฯของเรา โดยใช้แกลบประมาณ 250 ตัน/วัน จะผลิตซิลิก้าได้ประมาณ 15% ของวัตถุดิบ และยังมีแผนที่จะยกระดับไปผลิตซิลิก้าเกรดผลิตชิป ในนิคมฯแห่งนี้”

 

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจากไต้หวันเข้ามาลงทุนผลิตซิลิก้าจากแกลบเช่นเดียวกัน แต่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน โดยจะผลิตเป็นซิลิก้าในรูปแบบของเหลว ใช้วัตถุดิบจากแกลบและฟางข้าว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเผาฟางข้าวได้อีกด้วย

 

จุดเด่น ที่สนใจเข้ามาลงทุนในนิคมฯของเรา เพราะมีวัตถุดิบแกลบได้เขาอย่างเดียงพอแน่นอนทั้งปี ในปริมาณโรงงานละ 250 ตัน รวมทั้งประเทศไทยยังเปิดให้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของโรงงานได้ 100% มีโครงสร้างพื้นฐานในทุกด้านที่ดี มีระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ดี และมีเทคโนโลยีภายในประเทศอยู่พอสมควร ซึ่งหลังจากที่ได้เซ็นต์สัญญาร่วมมือกับการนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ไปแล้ว น่าจะมีโรงงานด้านการเกษตร และชีวภาพชั้นสูงเข้ามาเพิ่มอีกหลายราย

 

นอกจากนี้ ในนิคมฯ ยังมีศูนย์การวิจัยพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยจะเน้นวิจัยพันธุ์พืชและสัตว์ เพื่อวิจัยนวัตกรรมใหม่ให้กับบริษัท และเกษตรกรโดยรอบ ซึ่งได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งในการพัฒนาสินค้าเกษตร

 

สำหรับ นิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 673 ไร่ ในตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ภายใต้แนวคิดการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มีพื้นที่สีเขียวและแนวกันชนเชิงนิเวศ และการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดมาแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ รวมทั้งได้นำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารต่าง ๆ ลงดิน

 

โดยจุดเด่นของโครงการคือการส่งเสริมการจ้างงานและกระจายการผลิตไปยังภาคกลางตอนบน และยังสอดคล้องกับนโยบาย BCG ด้วยการใช้วัตถุดิบภาคการเกษตรในท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านความเชี่ยวชาญของบริษัท แอลพีพีอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด

 

ด้าน นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานกับ บริษัท แอลพีพี อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแอลพีพี นครสวรรค์ เพื่อขัยเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ นับเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 69 ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ.

 

“โครงการจัดตั้งนิคมแอลพีพี นครสวรรค์ เป็นโครงการสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ BIOECONOMY โดยนำผลผลิตทางเกษตร มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เป็นสินค้าที่ใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ทำให้เกิดเกิดความสมดุลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และด้วยศักยภาพของพื้นที่และความพร้อมของบริษัท แอลพีพี อินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด เชื่อว่านิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ กนอ. พร้อมสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรมและประเทศต่อไป”นายวีริศ กล่าว

สามารถติดตาม THE DIMENSION ได้ตามช่องทางต่าง ๆ

related news

LATEST NEWS