#เทคโนโลยีการแพทย์ #การแพทย์

5 นวัตกรรมทางการแพทย์ เปลี่ยนโลก

 

ในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ได้ถูกนำเข้ามาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้สร้างความก้าวหน้าในด้านการแพทย์อย่างรวดเร็ว จนทำให้การรักษาโรคที่มีความยากในอดีต มีวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีที่โดดเด่น ได้เข้ามาสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญ 5 ด้าน ไดแก่

 

  1. ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

การใช้อัลกอริธึมและแมชชีนเลิร์นนิงในการตรวจจับ วินิจฉัย และรักษาโรคได้กลายเป็นสาขาสำคัญของวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต บางคนเชื่อว่านี่คือการปฏิวัติการดูแลสุขภาพครั้งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 โดย AI สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และทำให้การวินิจฉัยแม่นยำยิ่งขึ้นได้รวดเร็วกว่าวิธีการทั่วไป เช่น มะเร็งเต้านม AI ช่วยให้การตรวจแมมโมแกรมเร็วขึ้น 30 เท่าด้วยความแม่นยำเกือบ 100% ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการตัดชิ้นเนื้อ

 

ในขณะเดียวกัน อัลกอริธึมการเรียนรู้เชิงลึกที่พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพ Qure.ai ช่วยให้สามารถตรวจพบมะเร็งปอดได้ในระยะเริ่มต้น เมื่อใช้ AI ในการตีความรังสีเอกซ์ที่หน้าอกได้แม่นยำกว่า เมื่อเทียบกับการอ่านค่ารังสีวิทยาทั่วไป บริษัทได้ก่อตั้งความร่วมมือกับบริษัทยายักษ์ใหญ่ AstraZeneca โดยมีเป้าหมายที่จะกระจายเทคโนดลยีนี้ออกไปเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดทั่วโลก

 

  1. การพิมพ์ 3 มิติ

การใช้เทคนิคการพิมพ์ 3 มิติในการดูแลสุขภาพมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2019 โรงพยาบาลมากกว่า 110 แห่งในสหรัฐอเมริกามีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพิมพ์ 3D ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2010 ที่มีเพียง 3 แห่ง โดยเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในการสร้างรากฟันเทียม ข้อต่อทดแทน รวมถึงการทำขาเทียมตามขนาดที่ต้องการ การวิจัยเกี่ยวกับการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อผลิตเนื้อเยื่อผิวหนัง อวัยวะ และแม้แต่ยาก็อยู่ระหว่างดำเนินการเช่นกัน

 

ข้อดีหลักประการหนึ่งของการพิมพ์ 3D ก็คือ ช่วยเร่งกระบวนการผลิตได้อย่างมาก และยังช่วยลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแบบดั้งเดิมอีกด้วย ตามข้อมูลของสมาคมโรงพยาบาลอเมริกันได้ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวได้ลดเวลาในการผลิตเครื่องช่วยฟังจากมากกว่าหนึ่งสัปดาห์เหลือเพียงวันเดียว

 

  1. การแก้ไขยีน CRISPR

เทคโนโลยีการแก้ไขยีน Palindromic Repeats (CRISPR) สามารถเปลี่ยนวิธีการรักษาโรคได้ มันสามารถช่วยสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับโรคร้าย เช่น มะเร็งและเอชไอวี โดยเทคโนโลยีนี้ทำงานโดย “ควบคุมกลไกทางธรรมชาติ” ของการบุกรุกของไวรัส จากนั้นจึง”ตัด” สาย DNA ที่ติดเชื้อออกด้วยการเปลี่ยนแปลงการกลายพันธุ์ของเซลล์ CRISPR จึงมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาโรคที่หายาก เช่น โรคซิสติกไฟโบรซิส และโรคเคียวเซลล์

 

อย่างไรก็ตาม ในเทคโนโลยีนี้ยังมีความเป็นห่วงในเรื่องของจริยธรรม เนื่องจากสามารถนำไปเปลี่ยนจีโนมในเด็กทารกได้ ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์จากจีนต้องถูกดำเนินคดีในปี 2020 ที่ได้อ้าวว่าใช้เทคโนโลยีนี้ในการออกแบบเด็กทารกคนแรกของโลกโดยใช้ CRISPR

 

  1. ความเป็นจริงเสมือน (VR)

ตลาด VR และ AR (ความเป็นจริงเสมือน) กำลังเฟื่องฟูทั่วโลกและเทคโนโลยีทั้งสองมีการใช้งานมากขึ้นในการใช้งานด้านการดูแลสุขภาพ โดยเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ได้หลายวิธีเช่น การผ่าตัดขั้นสูง การช่วยบรรเทาอาการปวด และการรักษาสภาวะสุขภาพจิต ซึ่งศัลยแพทย์ยังสามารถใช้แว่นตา VR เพื่อซ้อมหัตถการ ที่สามารถมองเห็นภายในร่างกายของผู้ป่วยได้ครบถ้วน และเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ผู้คน “ปลดเปลื้อง” ความเจ็บปวดเรื้อรังได้ด้วยการฝึกสมองแบบใหม่

 

นอกจากนี้ VR ยังสามารถช่วยให้ผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตเอาชนะความกลัวโดยจัดให้มีสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมเช่น การเข้ารับการรักษาโรคกลัวความสูงเป็นเวลา 2 ชั่วโมงช่วยลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยได้โดยเฉลี่ย 68%

 

  1. ผ้าพันแผลอัจฉริยะ

นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาผ้าพันแผลที่ใช้เซ็นเซอร์เพื่อตรวจสอบการหายของบาดแผล “ช่วยให้บาดแผลปิดได้เร็วขึ้น เพิ่มการไหลเวียนของเลือดใหม่ไปยังเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ และช่วยเพิ่มการฟื้นฟูผิวหนังโดยการลดการเกิดแผลเป็นอย่างมีนัยสำคัญ” ตามข้อมูลจากทีมมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยชั้นอิเล็กทรอนิกส์บางๆ บนผ้าพันแผลมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่คอยติดตามบาดแผล หากจำเป็นอาจกระตุ้นการกระตุ้นด้วยไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อเร่งการปิดเนื้อเยื่อ ทั้งนี้ ด้วยการกระตุ้นและการตรวจจับในอุปกรณ์ชิ้นเดียว ผ้าพันแผลอัจฉริยะจะช่วยให้การรักษาเร็วขึ้น และยังคอยติดตามในขณะที่บาดแผลกำลังดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์นี้จำเป็นต้องเอาชนะปัญหาด้านต้นทุนและการจัดเก็บข้อมูล ก่อนที่จะนำเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก รวมทั้งจะต้องพัฒนาความสามารถในการช่วยเหลืออย่างมีนัยสำคัญแก่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องและโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งมักมีบาดแผลที่สมานตัวช้า