พายุสุริยะขนาดมหึมาพุ่งสู่โลก
รุนแรงที่สุดในรอบ 21 ปี
ดาวเคราะห์โลกกำลังสั่นสะเทือนจากพายุสุริยะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ อาจส่งผลกระทบต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า ระบบสื่อสาร และดาวเทียม ตกอยู่ในภาวะอันตราย
องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ระบุว่า มีผลกระทบที่สามารถวัดได้และผลกระทบจากพายุแม่เหล็กโลกที่มองเห็นได้เป็นแสงออโรราทั่วทั้งแนวกว้างใหญ่ของซีกโลกเหนือ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ (11 พ.ค.) NOAA ยังไม่เห็นรายงานความเสียหายร้ายแรงใดๆ
อย่างไรก็ตาม NOAA ได้เตือนว่า อาจจะมีการเสื่อมถอยและสูญเสียระบบการสื่อสารที่ต้องอาศัยคลื่นวิทยุความถี่สูง รมทั้งผลกระทบเกี่ยวกับความผิดปกติในระบบไฟฟ้า ตลอดจนการเฝ้าระวังผลกระทบต่อดาวเทียม และยานอวกาศเนื่องจากพายุ S1-S2 เกิดขึ้นพร้อมกับพายุแม่เหล็กที่รุนแรงมากและยังคงดำเนินต่อไปจนถึงตอนนี้ ในขณะที่ระบบ GPS บางตัวมีปัญหาในการล็อคตำแหน่งและเสนอตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้ ตามที่ NOAA ได้เตือนเมื่อช่วงดึกของวันศุกร์ (10 พ.ค.) โลกกำลังประสบกับพายุแม่เหล็กโลกระดับ G5 หรือ “รุนแรง ” นับเป็นพายุ G5 ลูกแรกที่โจมตีโลกนับตั้งแต่ปี 2546 หรือในรอบ 21 ปี เมื่อเหตุการณ์คล้ายกันนี้ทำให้ไฟฟ้าดับชั่วคราวในพื้นที่ส่วนหนึ่งของสวีเดน และทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าในแอฟริกาใต้เสียหาย
ศูนย์ NOAA คาดการณ์ว่าพายุปัจจุบันนี้อาจกระตุ้นให้เกิดแสงออโรร่าที่มองเห็นได้ไกลออกไปทางใต้จนถึงแคลิฟอร์เนียตอนเหนือและแอละแบมา
สำหรับแหล่งกำเนิดของพายุสุริยะ คือ กลุ่มจุดดับบนผิวดวงอาทิตย์ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เท่าของโลก จุดดังกล่าวเต็มไปด้วยสนามแม่เหล็กที่พันกัน ซึ่งได้ระเบิดอนุภาคที่มีประจุจำนวนมหาศาลมายังโลกของเรา เหตุการณ์เหล่านี้เรียกว่าการดีดมวลโคโรนา ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นในช่วงจุดสูงสุดของวัฏจักรสุริยะ 11 ปี ของดวงอาทิตย์ และคาดการณ์ว่าคลื่นลูกไฟหลายลูกจะยังคงโจมตีโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งแม้ว่าพายุลูกนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่การคาดการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นเรื่องยาก
พายุสุริยะที่สร้างความปั่นป่วนมากที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2402 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “เหตุการณ์แคร์ริงตัน” ทำให้เกิดแสงออโรร่าที่ส่องประกายซึ่งมองเห็นได้ไกลถึงเม็กซิโกและฮาวาย นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อระบบโทรเลขไปทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาจากพายุสุริยะในอดีตจะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกเหมือนในปัจจุบันนี้ เพราะโลกได้พึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งมันสามารถเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าที่ไม่คาดคิดในสายไฟฟ้าระยะไกล กระแสเหล่านั้นอาจทำให้ระบบความปลอดภัยพลิกกลับ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับชั่วคราวในบางพื้นที่
พายุยังมีแนวโน้มที่จะรบกวนชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งเต็มไปด้วยอนุภาคมีประจุ การส่งสัญญาณวิทยุทางไกลบางชนิดใช้บรรยากาศรอบนอกเพื่อ “สะท้อน” สัญญาณทั่วโลก และสัญญาณเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะถูกรบกวน อนุภาคยังอาจหักเหหรือแย่งสัญญาณจากระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก ตามที่ Rob Steenburgh นักวิทยาศาสตร์อวกาศจาก NOAA กล่าว ผลกระทบเหล่านั้นอาจคงอยู่ต่อไปอีกสองสามวันหลังเกิดพายุ
เช่นเดียวกับ Dahl Steenburgh กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดผลกระทบเลวร้ายเพียงใด แม้ว่าเราจะพึ่งพา GPS มากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็มีดาวเทียมอยู่ในวงโคจรมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ ความผิดปกติจากพายุยังเคลื่อนตัวผ่านชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์อย่างต่อเนื่องเหมือนระลอกคลื่นในสระน้ำ “แม้จะโชคดีก็ตามที่ยังไม่เห็นผลกระทบรุนแรงในขณะนี้ แต่ก็ไม่ควรยืดเยื้อ” Steenburgh กล่าว
การแผ่รังสีจากพายุอาจมีผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ ดาวเทียมที่อยู่ระดับวงโคจรที่สูงอาจเกิดความเสียหายได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวงโคจรทำให้เกิดความเสียหาย Tuija Pulkkinen หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศและอวกาศแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนเตือน นับตั้งแต่การระเบิดของพายุสุริยะที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ เช่น SpaceX ได้เปิดตัวดาวเทียมหลายพันดวงสู่วงโคจรโลกระดับต่ำ ดาวเทียมเหล่านั้นจะเกิดการเปลี่ยนวงโคจรไปอย่างกะทันหัน รวมทั้งสถานีอวกาศนานาชาติตั้งอยู่ภายในสนามแม่เหล็กโลก ดังนั้นนักบินอวกาศจึงควรได้รับการปกป้องในระดับสูง
ในแถลงการณ์ NASA กล่าวว่านักบินอวกาศจะไม่ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องตนเอง “นาซาเสร็จสิ้นการวิเคราะห์กิจกรรมสภาพอากาศในอวกาศล่าสุดอย่างละเอียด และพบว่าไม่มีความเสี่ยงต่อลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ และไม่จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติม” หน่วยงานกล่าวเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา
แม้ว่าพายุลูกนี้จะทำให้ผู้ให้บริการดาวเทียมและระบบสาธารณูปโภคยุ่งวุ่นวายในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผู้คนก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนัก เพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด โดยปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอาจเป็นไฟดับช่วงสั้นๆ ดังนั้นการพกไฟฉายและวิทยุติดตัวไว้อาจเป็นประโยชน์ได้
ที่มา : https://www.npr.org/2024/05/10/1250515730/solar-storm-geomagnetic-g4